วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

ผัดไทยกุ้งสด

ผัดไทยกุ้งสด



อาหารไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เป็นอาหารประเภทจานเดียว อาหารจานด่วน ที่รู้จักกันดี

ส่วนผสมน้ำซอสหรือน้ำปรุง
  • น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • น้ำปลา 1 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 2 ชต.
  • พริกขี้หนูแดงบดหรือใช้เครื่องปั่น(ใส่น้ำเล็กน้อย) 1/2 ถ้วย
วิธีปรุงน้ำซอสหรือน้ำปรุง
  • นำส่วนผสมทั้งหมดข้างต้น ผสมกัน แล้วตั้งไฟ คนให้น้ำตาลละลายและส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
ส่วนผสม ผัดไทยกุ้งสด
  • กุ้งลวกพอสุก
  • น้ำมันสำหรับผัด
  • กระเทียมสับ
  • หมอแดงสับ                                  
  • เต้าหู้เหลือง หั่นชิ้นเล็ก ๆ
  • หัวไชโป๊สับ
  • ไข่ไก่
  • ถั่วงอก
  • ใบกุยช่าย หั่นท่อนยาว 1 นิ้ว
  • กุ้งแห้ง
  • ถั่วลิสงคั่วป่น
  • เส้นจันทร์หรือเส้นเล็ก
 วิธีทำ 
  • ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 2-3 ชต. หอมแดงสับ 1 ชต. กระเทียมสับ 1/2 ชต. เต้าหู้ หัวไชโป๊ ถั่วป่น กุ้งแห้ง ผัดให้เข้ากันไว ๆ
  • ใส่เส้นลงไป เติมน้ำซอส ผัดไทย ที่ได้ปรังไว้ก่อนแล้ว ให้พอท่วมเส้น ผัดให้เข้ากันและเส้นนุ่ม
  • ตอกไข่ไก่ลงไปในกระทะ (เขี่ยเส้นให้หลบ พอให้มีพื้นที่สำหรับไข่) ใช้ตะหลิวเขี่ยเล็กน้อยพอให้ไข่แดงแตก
  • ใส่ถั่วงอก ใบกุยช่าย และกุ้งลวกสุก เคล้าให้เข้ากัน

    เครื่องเคียงต่าง ๆ ที่เสริฟคู่กับ ผัดไทยกุ้งสด
    • ถั่วงอกดิบ , ใบกุยช่าย , ใบบัวบก , หัวปลี
    เครื่องปรุง เช่น มะนาว , พริกป่น , น้ำตาลทราย , ถั่วลิสงคั่วป่นหยาบ






    ต้มข่าไก่

    ต้มข่าไก่




            เมนู ต้มข่าไก่ เมนูยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ที่รู็จักกันทั่วโลก และยังเป็นเมนูหนึ่งที่บงบอกความเป็นไทย ได้เป็นอย่างดีที่เดียว ด้วยความที่เป็นแกงกะทิ สีขาวนวล กลิ่นหอมๆ จึงทำให้เป็นเมนูโปรดของ สมาชิก food.mthai หลายคนและ ก็ยังเป็นเมนูโปรดของชาวต่างชาติอีกด้วย โดยเมนู ต้มข่าไก่ นี้มีส่วนผสมและวิธีทำง่ายๆ ตามนี้ 
    ต้มข่าไก่

    ส่วนผสม ต้มข่าไก่ (สำหรับ 2 ที่)

    - สะโพกไก่ติดน่องสับเป็นชิ้น พอคำ           300          กรัม- ข่าอ่อนหั่นแว่น                                       5-6          แว่น- ตะไคร้บุบหั่นท่อน                                      2          ต้น
    - ใบมะกรูดฉีก                                           3-4          ใบ
    - น้ำซุปำก่                                                   2          ถ้วย- กะทิ                                                         1          ถ้วย
    - น้ำปลาก                                               3-4          ช้อนโต๊ะ
    - น้ำมะนาว                                              1/4           ถ้วย
    - เกลือป่น                                                1/2          ช้อนชา
    - พริกขึ้หนูบุบตามชอบ
    - ใบผักชีสำหรับตกแต่ง

    ต้มข่าไก่

    วิธีการทำ ต้มข่าไก่ 

    1. ตั้งน้ำซุปด้วยไฟกลางให้เดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงต้มต่อประมาณ 3 นาที
    2. ใส่ไก่ลงต้มพอสุก เติมกะทิงลงไป รอจนเดือดอีกครั้ง ปรุงรสด้วยเกลือ ปิดเตา
    3. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว และพริกขี้หนูลงในถ้วยหรือชาม
    4. ตักต้มข่าใส่ลงไป คนพอเข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตกแต่งด้วยใบผักชี




    http://food.mthai.com/

    หมูสะเต๊ะ

    หมูสะเต๊ะ

    เครื่องปรุงทำหมูสะเต๊ะ

    เนื้อหมูปนมันเล็กน้อย 1/2 กิโลกรัม มะพร้าวขูด 300 กรัม ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา ตะไคร้หั่นบางๆ 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้นหั่นละเอียด 1 ช้อนชา ลูกผักชีคั่วป่น 2 ช้อนชา ยี่หร่าคั่วป่น 1/2 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา เกลือป่น 1 ช้อนชา ไม้เสียบ
    วิธีการทำหมูสะเต๊ะ1. ล้างเนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นบางๆ กว้าง 1 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว
    2. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วย หางกะทิ 1/4 ถ้วย
    3. โขลกข่า ตะไคร้ ขมิ้น ลูกผักชี ยี่หร่า พริกไทย เกลือ รวมกันให้ละเอียด
    4. นำเครื่องที่โขลก เคล้ากับเนื้อหมู หัวกะทิ น้ำตาล เกลือเข้าด้วยกัน หมักไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงเสียบไม้
    5. นำหมูที่เสียบไม้แล้วปิ้งบนเตาถ่าน ใช้ไฟกลาง ขณะปิ้งพรมด้วยหางกะทิจนสุก
    6. จัดใส่จาน เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม และอาจาดหรือจะรับประทานร่วมกับขนมปังด้วยก็ได้
    เครื่องปรุงน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
    มะพร้าวขูด 300 กรัม เครื่องแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสงคั่วป่น 1/2 ถ้วย ลูกผักชีคั่วป่น 1 ช้อนชา ยี่หร่าคั่วป่น 1/2 ช้อนชา น้ำตาลปีบ 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 2 ช้อนชา น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมัน 1/4 ถ้วย

    วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ1. คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 1 1/2 ถ้วย
    2. ใส่น้ำมันลงในกะทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องแกง ผัดให้หอม ใส่ลูกผักชี ยี่หร่า ผัดพอทั่ว ค่อยๆใส่กะทิทีละน้อย
    3. ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ น้ำมะขามเปียก ใส่ถั่วลิสง เคี่ยวจนน้ำข้น ปิดไฟ



    เครื่องปรุงอาจาด
    แตงกวา 5 ลูก หอมแดงซอย 2 หัว พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแว่น 1 เม็ด น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย เกลือป่น 1 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วย น้ำ 1/4 ถ้วย

    วิธีทำอาจาด1. ผสมน้ำตาล เกลือ น้ำส้มสายชู น้ำ เข้าด้วยกัน ตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย ยกลง ปล่อยให้เย็น เป็นน้ำปรุงรส
    2. ล้างแตงกวาให้สะอาด ผ่าสี่ตามยาว แล้วหั่นตามขวางหน้า 1/2 ซม.
    3. ใส่แตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้าในถ้วย ตักน้ำปรุงรสใส่



    ที่มาโพสต์  Yengo
    http://www.yengo.com/?source=yengo.com&medium=adp&campaign=adp_user&ad=adp_2224

    วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

    น้ำตกหมู


    น้ำตกหมู

    เครื่องปรุงนำ้ตกหมูเครื่องปรุง

    - เนื้อหมู เลือกเอาเนื้อที่มีส่วนที่ติดมันเล็กน้อย 5 ขีด
    - ข้าวคั่ว คั่วเองแล้วตำหรือปั่นกับเครื่องปั่นก็ได้ค่ะ หรือถ้าซื้อควรเลือกซื้อข้าวคั่วที่ใหม่ๆ ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หรือแล้วแต่คนที่ชอบทานมากทานน้อย
    - พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
    - หอมแดง 3 หัว หรือแล้วแต่ชอบ ซอยบางๆ
    - น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หรือปรุงแล้วแต่ชอบ
    - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ หรือปรุงแล้วแต่ชอบ
    - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ หรือปรุงแล้วแต่ชอบ
    - ใบสาระแหน่หรือ ใบโหระพาก็ได้ค่ะเด็ดเป็นใบ 1 ถ้วยตวง

    วิธีทำ

    - หั่นเนื้อหมูเป็นแผ่นๆ แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ ย่างให้ดูเนื้อเป็นสีเหลือง
    หมูย่าง
    หมูย่างหั่นเป็นชิ้น- นำหมูที่ย่างพอเหลืองๆ แล้วมาหั่นพอดี
    - นำหมูที่หั่นใส่หม้อตั้งไฟกลางๆ เติมน้ำเล็กน้อยพอขลุกขลิก แล้วคนให้เข้ากันรอจนร้อนจัดปิดแก๊สยกลงจากเตา
    - เริ่มใส่เครื่องปรุง เทพริกป่น หอมแดง ข้าวคั่ว น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วชิมรส
    - ปรุงรสให้ถูกใจ เติมตามใจชอบ แล้วใส่ใบสาระแหน่หรือโหระพาลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ให้น้ำพอขลุกขลิก
    - เสร็จขั้นตอนการทำแล้วค่ะ ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักและข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว เป็นไงคะน้ำลายสอล่ะสิ ไปทำทานกันนะคะ ขอให้มีความสุขกันการทานน้ำตกหมูนะคะ




    หมูน้ำตกพร้อมรับประทาน
     




    ที่มาโพสต์  Wiparat Food

    แกงมัสมัน


       แกงมัสมัน


    "มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา " มาเป็นกลอนกันเลยทีเดียว วันนี้เอาสูตรแกงมัสมั่นไก่มาฝากกันค่ะ แกงชนิดนี้รสชาติเป็นที่ถูกอกถูกใจของหลายคน เพราะมีทั้ง รสเผ็ด หวาน และหอมมันจากกะทิ แกงมัสมั่น เป็นแกงอีกชนิดหนึ่งที่บอกเล่าความพิถีพิถันของอาหารไทยได้ดี ที่จะต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่ดีมาทำเป็นพริกแกง จากนั้นก็พิถีพิถันในการปรุงจนได้แกง

    วัตถุดิบและสัดส่วน:
    พริกแกงมัสมั่น1. พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำไว้ 5-8 เม็ด
    2. พริกขี้หนูแห้ง 5 เม็ด
    3. รากผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
    4. ลูกผักชีคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
    5. ยี่หร่าคั่ว1 ช้อนชา
    6. ลูกกะวานคั่ว 1 ผล
    8. อบเชยคั่ว 1 ก้าน
    9. ข่าซอย 1 ช้อนชา
    10. ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
    11. กระเทียมเผา 2 ½ ช้อนโต๊ะ
    12. หอมแดงเผา 2 ช้อนโต๊ะ
    13. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
    14. กะปิ 2 ช้อนชา
    15.เ กลือ ¾ ช้อนชา
    แกงมัสมั่นไก่1. น่องไก่ หรืออกไก่ ½ กิโลกรัม
    2. พริกแกงมัสมั่นไก่ 200 กรัม (ถ้าชอบเผ็ดมากเพิ่มได้ค่ะ)
    3. มันฝรั่งล้างและต้มให้สุกหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ 4-5 หัว
    4. หอมใหญ่ 3 หัว
    5. ถั่วลิสงคั่ว ¼ ถ้วย
    6. น้ำปลาอย่างดี ¼ ถ้วย
    7.น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย
    8. น้ำมะขามเปียก ¼ ถ้วย
    9. หัวกะทิ 1 ถ้วย
    10. หางกะทิ 4-5 ถ้วย
    ขั้นตอนการปรุง:
    1.เคี่ยวหัวกะทิจนแตกมันใส่พริกแกงมัสมั่นลงไปผัดให้หอม ใส่น่องไก่ลงไปผัดจนสุก
    2.เติมหางกะทิลงไป เคี่ยวจนเนื้อไก่เปื่อยด้วยไฟเบา
    3.ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บและน้ำมะขามเปียก จากนั้นใส่หัวหอมและมันฝรั่งลงไป รอจนเดือดอีกครั้งโรยถั่วลิสงคั่วลงไป ปิดไฟตักใส่ชามทานร้อนๆกับข้าว หรือทานกับโรตีก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ
    เคล็ดลับ:
    มัสมั่น...แกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง...

    หลายคนอาจจะเคยท่องกาพย์บทนี้กันจนจำได้ แล้วรู้หรือไม่คะว่า แกงมัสมั่นแท้จริงแล้วมีที่มาจากไหน
    จริงๆแล้วแกงมัสมั่นได้รับอิทธิพลมาจากอาหารของชาวมลายู ชาวไทยทางภาคใต้หรือผู้ที่เป็นมุสลิมจะเรียกแกงชนิดนี้ว่า “ซาละหมั่น” ซึ่งรสชาติแบบดั้งเดิมนั้นจะออกเค็มและมัน และคนไทยนำมาปรับเปลี่ยนสูตรให้ถูกปากตัวเองมากขึ้น กลายเป็นรสชาติออกไปทางหวานนำ

    แกงมัสมั่นทางภาคใต้นั้นไม่ได้ทำจากเครื่องแกงอย่างในภาคกลาง แต่จะใช้ การผสมเครื่องเทศต่างๆทั้งลูกผักชี ยี่หร่า พริกอินเดียและพริกไทย ป่นผสมเข้าด้วยกันเป็นผงเครื่องเทศสำหรับมัสมั่น แล้วนำไปผัดกับน้ำมันหอมเจียว

    แต่สูตรแกงมัสมั่นแบบมลายูดั้งเดิมนั้น จะใส่กานพลู อบเชย ลงไปผัดกับน้ำมันและหอมแดงจนหอม แล้วใส่พริกอินเดีย ยี่หร่า พริกไทย ลงผัดให้เข้ากัน แล้วยังมีส่วนผสมของมะพร้าวคั่ว ผงขมิ้น ดอกไม้จีน และหน่อไม้จีนด้วย

    และเมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ CNNGO ได้จัดอันดับ 50 เมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก โดยการลงคะแนนเสียงทางเฟซบุค ปรากฏว่า แกงมัสมั่นได้รับเลือกให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก
    อ้างอิง : th.wikipedia.org
    ที่มาของโพสต์: 
    โดย Vanilla~Caramel
    http://th.openrice.com/gourmet/userdetail.htm?userId=4591

    ทอดมันปลากราย

                  ทอดมันปลากราย

        ทอดมันปลากราย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่น้อยของบรรดาคนที่ชอบรับประทานปลาทั้งหลาย นอกจากจะหาทานได้ง่าย ทอดมันปลากรายยังเป็นอาหารที่สามารถทำทานเองที่บ้าน หรือว่าถ้าที่ไม่สะดวกจะลงมือทำเองก็สามารถหาซื้อแบบที่ปรุงสำเร็จแล้ว แล้วนำมาทอดเอง ทอดมันมีหลากหลายประเภท อันได้แก่  ทอดมันปลากราย ทอดมันปลาอินทรีย์ ทอดมันหมู ทอดมันไก่ ทอดมันเห็ด แต่ละสูตรแม้จะมีส่วนผสมที่ค่อนข้างคล้ายกัน แต่ก็จะมีบางอย่างที่แตกต่างเพื่อที่จะให้เหมาะกับวัตถูดิบชนิดต่างๆค่ะ มาเริ่มลงมือทำกันเลยค่ะ
    ทอดมันปลากราย


    ส่วนประกอบและเครื่องปรุงทอดมันปลากราย

    1. เนื้อปลากรายขูด 1 กิโลกรัม
    2. เกลือป่น 1 ช้อนชา
    3. น้ำเย็นจัด 4 ช้อนโต๊ะ
    4. พริกแกงเผ็ด 300 – 350 กรัม
    5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
    6. น้ำปลาดี
    7. น้ำตาลทรายนิดหน่อย
    8. ถั่วผักยาวซอยบางๆตามขวาง  2.5 ขีด
    9. ใบกะเพรา 3 ถ้วย
    10. ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ

    ข้อแนะนำ : ถ้าใส่ไข่ไก่ผสมในทอดมันด้วย เนื้อทอดมันจะนิ่มนวลกว่าไม่ใส่ไข่ ทอดแล้วจะฟูดีในกระทะ แต่พอเอาขึ้นจากกระทะสักพักจะแฟบลงมาก ถ้าไม่ใส่ไข่ไก่ ทอดแล้วแฟบน้อยกว่าค่ะ

    ขั้นตอนและวิธีทําทอดมันปลากราย

    1. เนื้อปลากรายสามารถหาซื้อได้ตามตลาดสดใหญ่ๆค่ะ ซึ่งพอเราได้เนื้อปลามาแล้วให้เรานำไปแช่ในน้ำแข็ง (อย่าแช่ในช่องแข็งนะคะ) ให้เนื้อปลาเย็นจัด พอเนื้อปลาเย็นจัดดีแล้ว ก็เตรียมนำเนื้อปลาออกมาโขลก (สำหรับคนที่ซื้อปลากรายมาทั้งตัว ให้ขุดเนื้อปลากรายออกมา แล้วนำไปแช่ในน้ำแข็งให้เนื้อปลาเย็นจัด เพื่อเตรียมโขลกเช่นกันค่ะ)
    2. หากใช้ครกโขลกแบ่งโขลกทีละน้อย ระหว่างโขลกเนื้อปลา (หรือปั่นด้วยเครื่อง food precessor) ก็ให้ใส่น้ำเย็นจัดที่ผสมเกลือลงไปด้วยเป็นระยะๆ เพื่อช่วยให้เนื้อปลาเหนียวขึ้น และมีรสชาตินิดหน่อยด้วยค่ะ (สามารถใช้เครื่องปั่นอาหาร เครื่องตีไข่ทุ่นแรงได้นะคะ ทำให้ระยะเวลาทำเร็วขึ้น แต่ความอร่อยไม่แพ้กับโขลกด้วยครกแน่นอนค่ะ)
    3. พอเนื้อปลาเหนียวดีแล้วใส่พริกแกง – ไข่ไก่ – น้ำตาลทราย (แค่หยิบมือ) และน้ำปลาตามลงไป จากนั้นก็นวดๆให้เข้ากัน แล้วนำไปทอดเล็กน้อย เพื่อชิมรสที่ต้องการค่ะว่าใช่รสที่ชอบไหม หากไม่ใช่ก็มาปรุงเพิ่มได้ตามชอบเลยค่ะ

     
    ส่วนประกอบและเครื่องปรุงน้ำจิ้มทอดมันปลากราย

    1. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง
    2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง + 1/2 ช้อนโต๊ะ
    3. เกลือ 1 ช้อนชา + 1/4 ช้อนชา
    4. น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ
    5. พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด                                                         
    6. กระเทียม 30 กลีบ

    ขั้นตอนและวิธีทําน้ำจิ้มทอดมันปลากราย

    1. ปอกเปลือกกระเทียมให้เกลี้ยง ล้างน้ำ แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ
    2. ล้างพริกชี้ฟ้าให้สะอาด เด็ดขั้วทิ้ง หั่นชิ้นเล็กๆตามขวางเม็ด
    3. เทน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือและน้ำสะอาดใส่หม้อ นำหม้อขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้น้ำตาลทรายและเกลือละลาย (ใช้ไฟกลาง)
    4. เมื่อส่วนผสมในหม้อเดือดแล้วลดไฟลงอ่อนเคี่ยวสักพัก จากนั้นปิดเตา
    5. นำพริกและกระเทียมที่เตรียมไว้ใส่โถปั่น เทน้ำจิ้มที่เคี่ยวไว้ใส่ลงไปครึ่งหนึ่ง
    6. ปั่นพริกและกระเทียมให้ละเอียดแล้วเทกลับลงในหม้อที่เคี่ยวน้ำจิ้มในตอนแรก
    7. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง เคี่ยวให้เดือดและเคี่ยวสักพักให้พอข้นขึ้น ปิดเตา พักทิ้งไว้ให้อุ่นก่อนเทใส่ขวดสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานค่ะ


     ที่มาของโพสต์    My Thai Menu
    http://www.mythaimenu.com/

    ปลาช่อนลุยสวน

    ปลาช่อนลุยสวนสมุนไพร





              ส่วนผสม "ปลาช่อนลุยสวนสมุนไพร"   
    1. ปลาช่อนขนาด (ไม่เกิน 1 กิโลกรัม)
    2. ใบสาระแหน่                                    
    3. หอมแดงซอย                                 
    4. กระเทียมหั่นเล็ก                             
    5. แครรอตหั่นทางยาวฝอย                
    6. ถั่วลิสง                                           
    7. ตำไคร้หั่นฝอย                               
    8. ขิงหั่นลูกเต๋าเล็ก                             
    9. พริกแห้งทอด                                 
    10. ผักกาดหอมไว้จัดจาน                    


    เครื่องปรุง
    • น้ำตาลปี๊บ
    • น้ำปลาอย่างดี
    • น้ำมะขามเปียก
    • น้ำพริกเผา

    วิธีทำค่ะ 
    • นำปลาล้างทำความสะอาด บั้งตามตัว ทอดให้เหลืองกรอบพักไว้
    • ทำน้ำยำค่ะ นำเครื่องปรุง น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาอย่างดี น้ำมะขามเปียก น้ำพริกเผา คลุกเคล้าให้เข้ากันชิมรสชาติให้ถูกใจ
    • จากนั้นก็ใส่ผักที่เตรียมไว้ หอมแดงซอย กระเทียมซอย แครอต ตะไคร้ ถั่วลิสง ขิงหั่นลูกเต๋า พริกแห้งทอด สาระเหน่
    • จัดใส่จาน ผักกาดหอมรองจานก่อน และนำปลาช่อนที่ทอดไว้วางที่จาน และราดด้วยน้ำยำที่ทำเสร็จแล้ว จัดแต่งด้วยการโรยพริกแห้งทอด สาระเหน่โรยหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมเสริฟ
                                                              

     http://www.blogger.com/profile/03141738445201598754

    แกงเขียวหวานหมู

    แกงเขียวหวานหมู


    แกงเขียวหวานเมนูแกงกะทิ รสชาติจัดจ้าน หอม หวานแบบไทยๆ ไม่ว่าบ้านไหนต้องติดใจหรือชื่นชอบเมนูนี้กันทั้งนั้น วันนี้เรามีวิธีทำแกงเขียวหวานหมู เนื้อหมูแบบนุ่มๆ ชุ่มฉ่ำมาฝากกันค่ะ ไม่ยากเลยมาลงมือกันเลยค่ะ


    ส่วนประกอบและเครื่องปรุงแกงเขียวหวานหมู                           - สันคอหมู 3 ขีด
    - กะทิ 4 ขีด
    - พริกแกงเขียวหวาน 1 – 1.5 ขีด
    - มะเขือเปราะ (วันนี้ใช้แบบสีม่วง หรือขะใช้สีเขียวตามความสะดวค่ะ) 
    - ใบมะกรูดฉีก
    - พริกเม็ดใหหั่น                                                                                
    - พริกขี้หนู
    - ใบโหระพา
    - เครื่องปรุงรส เกลือ, น้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ

    ขั้นตอนและวิธีทําแกงเขียวหวานหมู1. หมักหมูกับกะทิก่อนครับ นำเข้าตู้เย็น แช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. หรือมากกว่านั้น เนื้อหมูจะอืด นุ่มๆ และชุ่มฉ่ำ
    2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชประมาณ 2 – 2.5 ช้อนโต๊ะ ใช้ไฟปานกลาง นำพริกแกงลงผัดให้หอม ใส่เนื้อหมู ผัดให้เข้ากัน
    3. พอหมูเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

    4. เมื่อหมูใกล้สุก ก็ตักทั้งหมดใส่ในหม้อที่มีกะทิที่เหลือ แล้วตั้งไฟต่อ
    5. พอเริ่มเดือด ใส่มะเขือ ใบมะกรูด พริกเม็ดใหญ่ พริกขี้หนู รอจนกระทั่งเดือดอีกครั้งใส่ใบโหระพา
    6. ชิมให้ได้รสตามต้องการ ถ้ารสอ่อน ปรุงเพิ่มได้เลยจังหวะนี้ จะปิดไฟเลย หรือตั้งไฟอ่อนๆ ทิ้งไว้ก็ได้ค่ะ แค่นี้ ก็ได้ “แกงเขียวหวานหมูนุ่ม” เรียบร้อยแล้ว
    7. เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ขนมจีน หรือจะเป็นโรตีกรอบ ก็อร่อยได้เลยค่ะ





    ที่มาโพสต์:    My Thai Menu
    http://www.mythaimenu.com/

    ต้มยำกุ้งน้ำข้น

                          ต้มยำกุ้งน้ำข้น

    เมนูอาหารไทย สูตรอาหาร : ต้มยำกุ้งน้ำข้น "Tom yum Kung" (Thai sour and spicy shrimp soup) รสเด็ด แซ่บเว่อร์ อาหารยอดนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทยแล้วต้องสั่งทาน สำหรับวันนี้เราขอแนะนำสูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น รสแซ่บกลมกล่อม มาฝากทุกท่าน สามารถทำขายหรือทำทานเองก็ได้ งั้นลองไปดูสูตรกันเลย ....
    Thai sour and spicy shrimp soup

    สูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น 

    สิ่งที่ต้องเตรียม
    • กุ้งกุลาดำ 15 ตัว
    • เห็ดโคนประมาณ 10-15 ดอก ใช้เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดฟางแทนก็ได้
    • มะนาวใช้ 3 ลูก บีบน้ำได้ประมาณ 3 ช้อนกินข้าวแบบสั้น
    • พริกขี้หนูเม็ดเล็กใช้ 10 เม็ด
    • หัวหอมแดง 3-4 หัว
    • ตะไคร้ใช้ 2-3 ต้นไม่ใหญ่                                                                           
    • ข่าแก่หั่นใช้ 5 แว่น
    • ใบมะกรูด 4-5 ใบ
    • รากผักชี 2-3 ต้น (ใครจะเพิ่มผักชีฝรั่งก็ใส่ได้ตามชอบใจ)
    • น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำปลาอย่างดี 2-3 ช้อนโต๊ะ (ต้องชิมรสประกอบ)
    • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
    • นมข้นไม่หวาน (ใช้คาร์เนชั่น) หรือใช้นมสดรสจืดยิ่งดีเลย 1 ถ้วย
    • น้ำซุป ถ้าไม่มี ใช้น้ำเปล่าแล้วใช้รสดีปรุงรสแทน
    วิธีทำต้มยำกุ้งน้ำข้น
    1. นำตะไคร้มาทุบแบบหยาบ และหั่นประมาณ 1 นิ้ว ต่อด้วยหั่นข่า 1 แง่งให้เป็นแว่นๆ เพื่อให้ได้ประมาณ 5-7 แว่น ไม่ต้องหนามาก เอาแบบพอดีๆ
    2. หั่นผักชีเป็นฝอยๆ และนำรากผักชีไปทุบพอหยาบ และทุบพริกขี้หนูอีก 10 เม็ดให้พอหยาบเช่นกัน
    3. หั่นมะเขือเทศลูกใหญ่โดยผ่าให้ได้ 4 ชิ้น จากนั้นก็หั่นเห็ดฟางแบบครึ่งและเห็ดนางฟ้าฉีกครึ่ง ใบมะกรูดนำมาฉีกครึ่งเป็น 4 ส่วน
    4. ปอกเปลือกกุ้งสดให้สะอาด ผ่าหลังและล้างน้ำให้สะอาด รวมทั้งผักทุกชนิดที่เราจะรับประทาน จำเป็นต้องล้างน้ำให้สะอาดก่อนหั่น
    5. เตรียมน้ำพริกเผาผสมนมสด โดยนำนมสดหรือน้ำข้นไม่หวาน 1 ถ้วยมาผสมกับ น้ำพริกเผา บี้ให้ตัวพริกเผาไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
    6. นำหม้อต้มใส่น้ำเปล่า 1 ลิตรที่ได้เตรียมไว้ โดยเริ่มตั้งไฟด้วยไฟแรง หลังจากนั้นก็ใส่ตะไคร้ทุบและข่าที่หั่นเตรียมไว้ และใส่รากผักชีทุบลงไปพร้อมๆ กันเลย
    7. เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ใส่เห็ดฟางและเห็ดนางฟ้าไปพร้อมๆ กับกุ้งสดรอจนน้ำเดือด
    8. พอน้ำเดือด ให้หรี่ไฟเป็นไฟเป็นแบบปานกลาง จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงรสที่เราได้เตรียมไว้แล้ว นั้นก็คือ น้ำปลา มะนาว คน 1 รอบ ตามด้วยน้ำพริกเผาผสมนมสด และคนให้เข้ากันอีกรอบ และเปิดไฟแรงอีกครั้ง
    9. นำมะเขือเทศและพริกขี้หนู  และใบมะกรูดมาใส่ลงในหม้อ พอน้ำเดือดแล้วให้ปิดไฟทันที
    10. ยกลงมาเทใส่ถ้วย จากนั้นก็โรยหน้าด้วยผักชี ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟแล้วล่ะอาจปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ
    เคล็ดลับความอร่อย
    • กุ้งจะใช้กุ้งตัวใหญ่หรือแบบตัวเล็กแกะเปลือกก็ได้ แล้วแต่ความชอบหรือสูตรของแต่ละร้าน (ดังเช่นรูปด้านล่าง)
    • สำหรับร้านที่จะนำสูตรไปทำขายควรทำรสชาติให้กลมกล่อม ไม่เปรี้ยว ไม่หวานมันมากเกินไป ซึ่งเป็นรสที่คนทั่วไปชอบ


    ที่มาของโพสต์:  สูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น รสเด็ด (Tom Yum Kung)

    วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

    ส้มตำปูปลาร้า

    ส้มตำปูปลาร้า

    ส้มตำปูปลาร้า วันนี้รู้สึกเปรี้ยวๆปากอยากกินส้มตำเลยไปหาสูตรการทำส้มตำมาฝาก มะละกอสับหยาบๆ เวลาเคี้ยวแซบคัก ที่ถูกตำเข้ากับเครื่องต่างๆ ทำให้ได้รสชาติ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบทุกรส กินเปล่าๆหรือทานกับข้าวเหนียวก็เข้ากันได้ดี ไปเบิ่งวิธีการตำบักหุ่งกัน
     
    ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
    1.มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
    2.ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1" )
    3.แครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง (สูตรอีสานแท้ ๆ ไม่ใส่เด้อ)
    4.น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าเป็นสูตรอีสานแท้ๆ ไม่ใช้น้ำตาล)
    5.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
    6.มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)
    7.พริกแห้งหรือพริกสด 3-5 เม็ด เผ็ดตามใจมัก
    8.กระเทียมสด 5 กลีบ
    9.ถั่วฝักยาวหั่น 5 ชิ้น                                          
    10.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
    11.ปูนา หรือปูทะเล 1 ตัว
    12.น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
    13.น้ำมะขามเปียก

     
    ขั้นตอนการทำ
    1.สับมะละกอที่จัดเตรียมไว้ ให้ได้เส้นมะละกอหยาบ ๆ และแครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง
    2.เตรียมครก กระเทียม พริก โคกให้ละเอียดพอดีคลุกเคล้าให้เข้ากัน
    3.จากนั้นใส่มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว อีปู มะนาว น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาลปี๊ปปรุงรสชาติให้อร่อย
    4.ใส่เส้นมะละกอที่เตียมไว้ใส่ลงไปตำ พอให้บุบไม่ต้องตำจนแลกละเอียด เดียวไม่อร่อยเด้อ
    5.ตำ ๆ ๆ ค้น ๆ ให้เข้ากันกับเครื่องปรุง ชิมได้ทีแล้วตักเสร็ฟใส่จาน 


    http://www.esanguide.com/food/default.php